วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 3 บทความและสารคดี



 


10 เทคนิคเรียนให้เป็นคนเรียนเก่ง

เพื่อนๆ หลายคนคงเคยเจอกับปัญหาเรียนตก เรียนไม่เก่ง หัวไม่ดี
แต่เราจะมีวิธีแก้ไขมันยังไงทำให้เราเป็นคนเรียนดีเรียนเก่งได้นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
หากเพื่อนๆมีความตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จจริงๆ อย่าไปคิดว่าเราเป็นคนเรียนไม่ดี เรียนไม่เก่ง
สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราท้อ และล้มเลิกความตั้งใจในการเรียน หรือจะทำสิ่งต่างๆก็ตาม
ให้จำไว้ว่าคนเรียนเก่งนั้น มันต้องเริ่มจากตัวเรา ถ้าเราขยันหมั่นอ่านหนังสือทุกวัน
ซึ่งไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องอ่านทีละเยอะๆ อ่านนานๆ แค่เรารู้จักแบ่งเวลา จัดตารางอ่านหนังสือ
แล้วเราจะสามารถกลายเป็นคนเรียนเก่งได้ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงลองมาดู
1
0 เทคนิคเรียนให้เป็นคนเรียนเก่ง กับ teen.mthai ค่ะ 

10 เทคนิคเรียน ให้เป็นคนเรียนเก่ง
ที่มา : http://teen.mthai.com/education/52719.html
















10 เทคนิคเรียนให้เป็นคนเรียนเก่ง  

เทคนิคเรียน : 1. คนเรียนเก่ง แบ่งเวลาเป็น
เคล็ดลับข้อแรก ถึงแม้ว่าเราจะชอบเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง ฯลฯ ขอแค่เราแบ่งเวลาให้เป็น เวลาไหนเล่น
ก็เล่นเวลาไหนเรียนก็เรียน จะเล่นวันละกี่ชั่วโมงก็ได้ แต่ขอเจียดเวลามาเรียนนอกเหนือจากในห้องเรียนสักวันละ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง
ก็พอแล้ว (เสาร์-อาทิตย์ไม่ต้องก็ได้) ทำง่ายๆแต่ได้ดีมาก


เทคนิคเรียน : 2. คนเรียนเก่ง ทบทวนล่วงหน้า-หลังเรียน เข้าหัวไม่ต้องจำ
เชื่อว่าข้อนี้ถูกใจคนขี้เกียจจำไม่น้อย เคล็ดลับง่ายๆ อ่านล่วงหน้าก่อนเข้าห้องเรียนสัก 10-15 นาที
อ่านผ่านๆแค่หัวข้อก็พอว่าวันนี้เราจะเรียนอะไรบ้าง พอตกเย็น ก็อ่านทบทวนผ่านๆอีกรอบว่าวันนี้เราเรียนอะไรไป วันต่อวัน มันจะเข้าไปอยู่ในหัวเองไม่ต้องออกแรงจำให้เมื่อย แถมทำบ่อยๆมันจะประติดประต่อกันเองทั้งเทอม


เทคนิคเรียน : 3. คนเรียนเก่ง ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง
แม้หลายๆคนจะรู้อยู่ว่าดินพอกหางหมูไม่ดี แต่ก็เชื่อว่าทุกๆคนก็เคย หรือยังมีดินพอกหางหมูอยู่ทั้งนั้น มันลำบากมากที่ต้องมาตามแก้ดินพอกหางหมู บางครั้งใช้เวลามากกว่าเดิม 3 เท่าบ้าง 4 เท่าบ้าง เพราะฉะนั้นไม่ควรจะเป็นดินพอกหางหมู
                    
    10 เทคนิคเรียน ให้เป็นคนเรียนเก่ง

ที่มา : http://teen.mthai.com/education/52719.html


เทคนิคเรียน : 4. คนเรียนเก่ง ไม่เรียนอัดก่อนสอบ
ข้อนี้ตามสองข้อที่แล้วมาติดๆ ถ้าน้องปล่อยพอกไว้ตั้งแต่ต้นเทอม ยันปลายเทอม แล้วมาอัดอ่านทีเดียวก่อนสอบ มันจะไม่ทันหลายเรื่อง หลายวิชา ถ้าใครเคยเรียนอัดก่อนสอบคงรู้ดี  ว่ อ่านบทแรกก็ยังโออยู่ แต่พออ่านบทสองดั๊นลืมบทแรก พออ่านบทสาม ดั๊นลืมบทสอง ฯลฯ แบบนี้เรียกว่า ได้หน้าลืมหลัง มาดูตัวอย่างสดๆกันตรงนี้เลย เคล็ดลับข้อแรกคืออะไร (ห้ามย้อนกลับไปอ่านนะ) เชื่อว่าตอบไม่ได้กันเกินครึ่ง จริงๆแล้วมันมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนอยู่นะว่า สมองของคนเรา จะสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้ดีโดยค่อยๆจดค่อยๆจำสะสมไปเรื่อยๆ ถ้ามาพยามจดจำในระยะเวลาสั้นๆมันจะไม่เข้าหัว ขนาดไอน์สไตน์ฉลาดเป็นกรด ก็ยังจำเยอะๆในเวลาสั้นๆไม่ไหวเลย

เทคนิคเรียน : 5. คนเรียนเก่ง ลงมือทำโจทย์ แบบฝึกหัด การบ้าน
หลายคนมองข้ามการทำโจทย์และแบบฝึกหัดต่างๆไปโดยสิ้นเชิง แล้วกลับไปให้ความสำคัญกับการเรียนเนื้อหา หรือทฤษฎีต่างๆ หลายๆคนหนักข้อ แบบฝึกหัดข้อแรกที่ได้ทำคือในห้องสอบนั่นเอง พอออกมาจากห้องสอบก็น้ำตาตกในทำไม่เป็น นักฟุตบอลเก่งๆอย่างเมสซี่ เขามีความลับในความเก่งซ่อนอยู่ นั่นคือ เขาใช้เวลาเรียนทฤษฎีนิดเดียว เอาให้ได้ครบสักรอบสองรอบก็พอ แล้วใช้เวลาที่เหลือไปทุ่มเทให้กับการซ้อมในสนาม (ทำแบบฝีกหัด) อย่างหนักทุกวันๆ ถ้าอยากเรียนเก่งเหมือนเมสซี่เล่นบอลเก่ง เราก็ต้องขยันทำแบบฝึกหัดเยอะๆเข้าไว้

เทคนิคเรียน : 6. คนเรียนเก่ง ทำ mindmap เรียนรู้จากภาพใหญ่ไปภาพเล็ก
มันจะง่ายกว่าเยอะมากถ้าเรามองความสัมพันธ์ของเนื้อหาทั้งหมดโดยรวม ว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร แล้วมีหัวข้ออะไรบ้าง แต่ละหัวข้อเกี่ยวข้องกันอย่างไร อย่างการทำ mindmap นั้นช่วยได้มากๆ ที่สำคัญทำง่ายด้วย ไม่ต้องคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก แค่มีกระดาษกะปากกา
ก็สามารถทำเองได้แล้ว



10 เทคนิคเรียน ให้เป็นคนเรียนเก่ง

ที่มา : http://teen.mthai.com/education/52719.html



เทคนิคเรียน : 7. คนเรียนเก่ง ทำสรุป/ช้อตโน้ตด้วยตัวเอง
การทำสรุปหรือช้อตโน้ตจะเป็นเสมือนการทบทวนและสรุปเนื้อหาด้วยตัวเอง จะมีสรุปของเพื่อนที่เก่งๆก็ได้ แต่สำคัญคือ ให้ทำเวอร์ชันของตัวเองด้วย (เขียนสรุปจากสรุปของเพื่อนก็ได้นะ) แค่การทำก็เหมือนว่าได้ทบทวนไปแล้วรอบนึง ที่สำคัญคือ เมื่อตัวเองมาอ่านสรุปของตัวเองแล้วนั้น มันจะจำได้ชัดเจนมากกว่าการอ่านสรุปของคนอื่นมากๆ ยิ่งถ้าเขียนสรุปด้วยปากกาหลายสี วาดรุปน่ารักๆลงไป บางครั้งในห้องสอบ จำได้ด้วยแน่ะ ว่าตรงนี้เราสรุปด้วยปากกาสีอะไร วาดรูปอะไรลงไป


จดเลคเชอร์วิชาเรียนแบบขั้นเทพ ใช้ภาษาวัยรุ่นให้ถูกทาง

ที่มา :  http://teen.mthai.com/education/40006.html




เทคนิคเรียน : 8. คนเรียนเก่ง ติวเป็นกลุ่มกับเพื่อน ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ
การอ่านคนเดียวบางครั้งเราก็มองข้ามเรื่องสำคัญบางเรื่องไป การจับกลุ่มกะเพื่อน ติว หรือผลัดกันถามตอบ ก่อนสอบ จะทำให้เราได้ในส่วนที่เรามองข้ามไป ถึงบางอ้อหลายจุด บางครั้งการจับกลุ่มถามตอบก่อนเข้าห้องสอบไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้เราจำอะไรดีๆ ได้มากกว่าที่คิดอีกนะ

เทคนิคเรียน : 9. มั่นใจในตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งเรียนยังไงก็ไม่ได้
ข้อห้ามที่สำคัญมากๆ ห้ามคิดว่าตัวเองไม่เก่งแล้วไม่สามารถทำได้เด็ดขาด เด็กไม่เก่งก็มีวิธีเรียนดีของเด็กไม่เก่งเหมือนกัน
ท้อได้แต่ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด!


เทคนิคเรียน : 10. คนเรียนเก่ง ดูแลตัวเอง กินให้พอ นอนให้พอ
หลายๆคนคิดว่า นี่คือเคล็ดลับตรงไหนเนี่ย แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นสุดยอดเคล็ดลับ ที่ทำให้เก่งจากภายใน ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ กินอิ่มนอนหลับ จะส่งผลให้ สมองปลอดโปร่งตามไปด้วย พอสมองปลอดโปร่ง จะแล่นมาก จำอะไรได้ง่ายกว่า เร็วกว่า เยอะกว่า ไม่ลองไม่รู้นะเออ..

จดเลคเชอร์วิชาเรียนแบบขั้นเทพ
ใช้ภาษาวัยรุ่นให้ถูกทาง

ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา เคล็ดลับการเรียนอีกอย่างหนึ่งที่เราทำกันอยู่เป็นประจำ
นั่นก็คือ การจดเลคเชอร์ ถ้าคุณครูพูดช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปเราก็ยังพอจะจดกันทัน
แต่ถ้าพูดเป็นไฟแล๊บ! ไม่รอนักเรียนเล๊ยแบบนี้มีแต่ตายกับตาย แล้วฉันจะเอาอะไรอ่านละเนี่ย!
เอาหล่ะ อย่าเพิ่งเครียดหรือกังวลใจไป teen.mthai มี จดเลคเชอร์วิชาเรียนแบบขั้นเทพ
ใช้ภาษาวัยรุ่นให้ถูกทาง
มาฝากกัน รับรองว่าจดทันแถมเข้าใจง่ายกว่าเดิมอีกด้วย



ที่มา : http://teen.mthai.com/education/40006.html

จดเลคเชอร์วิชาเรียนแบบขั้นเทพ : เริ่มต้นด้วยสัญลักษณ์
- ดอกจัน (*)  เคยได้ยินคุณครูบอกว่า เอ้า..ดอกจันเอาไว้ตรงนี้ไหมคะ แบบนี้เพื่อนๆก็ต้องรีบทำตาม
โดยด่วนเลยเพราะที่คุณครูบอกนี่แหละ คือคีย์เวิร์ดที่ครูได้ใบ้ให้แล้วว่ามันสำคัญ
ดังนั้นเวลาเราจดเลคเชอร์อยู่ ถ้ารู้สึกว่ามันสำคัญ ก็ดอกจันไว้ข้างหน้าดีกว่ามานั่งจดว่ามันสำคัญนะ !
- แดท (-)  เอาไว้ขึ้นย่อหน้าใหม่หรือขึ้นประเด็นใหม่ แนะนำนิดนึงว่า เวลาจดไม่ควรจดยาว
เป็นคอยีราฟควรจะจับใจความสำคัญ แล้วค่อยเขียนลงไปมากกว่า เรพาะเวลากลับมา
นั่งอ่านซ้ำ  ถ้าจดยาวรับรองได้ว่ามึนเป็นไก่ตาแตกแน่ๆ
- หมวกหงายหรือตัววี (v) ใช้แทนคำว่า หรือ อันนี้ใช้ตามหลักตรรกศาสตร์ในวิชาคณิตศาสตร์
จะช่วยลดเวลาในการจดได้ดีทีเดียว
- เครื่องหมายบวก (+)   ใช้แทนคำว่า และ
- ลูกศรขึ้น /ลง   ใช้ในความหมายตรงตัว ก็คือ มากขึ้น หรือ น้อยลง
- ลูกศรชี้ไปทางขวา ใช้แทนคำว่า นำไปสู่, ไปยัง หรือใช้แทนความหมายที่ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลง
- รูปหัวใจ  ใช้แทนคำว่า หัวใจ หรือ หัวใจสำคัญ เป็นตัวแทนของคำหรือประโยคที่เราจะเน้นว่าสำคัญ
- เครื่องหมายคำถาม   ใช้แทนคำว่า อะไร, ใช่มั้ย เช่น เพราะ หรืออาจใช้ในข้อความ
ที่เราจดแล้วไม่แน่ใจต้องกลับไปหาคำตอบเพิ่ม


จดเลคเชอร์วิชาเรียนแบบขั้นเทพ ใช้ภาษาวัยรุ่นให้ถูกทาง
ที่มา : http://teen.mthai.com/education/40006.html


จดเลคเชอร์วิชาเรียนแบบขั้นเทพ : การใช้อักษรย่อ
เพื่อนๆเป็นกันรึเปล่า เวลาที่ต้องจดคำหรือประโยคยาวมากๆมักจะจดไม่ทัน ต้องรีบจด จดยาวเป็นหางว่าวกลับมาอ่านอีกทีก็มึนซะแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหัดย่อคำให้เป็นนิสัยแทน คราวนี้คุณครูจะพูดยาวแค่ไหน เราก็ไม่หวั่น

- อักษรย่อที่มีอยู่แล้ว เช่น ร.ร.(โรงเรียน), ปวส.(ประวัติศาสตร์), ตย.(ตัวอย่าง), ปท.(ประเทศ), นน.(น้ำหนัก), เป็นต้น คำย่อพวกนี้ใช้ได้เต็มที่เลยค่ะ ซึ่งการใช้อักษรย่อนั้นเราไม่จำเป็นต้องถูกหลักเป๊ะก็ได้ เพราะอย่าลืมว่าเราใช้อักษรย่อเพื่อให้จดเร็วขึ้น มานั่งเครียดว่าเอ๊ะ! เราใส่จุดถูกที่รึเปล่า แบบนี้ช้ากว่าเดิมแน่นอน อีกอย่างสมุดเลคเชอร์เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของเรา ใช้เพื่อความเข้าใจของเราเท่านั้น
แต่ยังไงซะ ถ้าออกมากจากสมุดเราแล้วก็ต้องใช้ให้ถูกต้องตามหลักภาษา

- ย่อเป็นภาษาอังกฤษ เช่น coz (cause) (เพราะ), OK. (โอเค), Gr. (กลุ่ม) เป็นต้น คำภาษาอังกฤษพวกนี้ก็เป็นคำง่ายๆ  คุ้นเคยกันอยู่ เอามาใช้ก็จะสะดวกกว่า

- ย่อเพื่อลดคำ เช่น ก.(การ) , ค.(ความ), ญ.(ผู้หญิง), ช.(ผู้ชาย), ศ.(ศาสนา) เป็นต้น วิธีนี้เราย่อเพื่อความสะดวกของเราเองอย่างคำว่า การ และ ความ พบบ่อยมากๆ ในภาษาไทย ถ้าเรามัวแต่เขียนเต็มทุกคำ ทำมาหากินไม่ทัน เพื่อนแน่นอน อาจจะเห็นบ่อย
เช่น ค.สุข ค.เศร้า ก.พนัน ฯลฯ

- ย่อให้เหลือแต่คำหน้า ในคำที่รู้คำเต็ม เช่น วิทยาศาสตร์ จดเป็น วิทย์ ,คอมพิวเตอร์ เป็น คอมฯ 
คำพวกนี้มักเป็นคำที่เข้าใจความหมายตั้งแต่คำแรก

- ย่อตามความคุ้นเคยของตัวเอง เช่น เพราะ ย่อเป็น พ. ประโยชน์ เป็น ปย. สมัย เป็น ส. วิธีนี้เสี่ยงหน่อย ต้องใช้บ่อยๆ  และจำให้ได้ เพราะมีโอกาสที่จะลืมสูงมาก บางทีจดเองก็งงเองว่าย่อมาจากคำว่าอะไร หรืออาจจะตีความหมายผิดไป เพราะฉะนั้นต้องใช้ให้คุ้นเคย เพราะมีเราคนเดียวที่เข้าใจ

    ที่มา : http://teen.mthai.com/education/40006.html


ห้ามพลาด : จดเลคเชอร์วิชาเรียนแบบขั้นเทพ ใช้ภาษาวัยรุ่นให้ถูกทาง
เพื่อนๆอาจจะใช้ ปากกาเมจิกหัวเล็กในการ จดเลคเชอร์ก็ได้นะคะ วิธีนี้ teen.mthai ใช้บ่อยที่สุดเลย 
ไล่ความสำคัญตามสี เช่น สีแดง เป็นคำสำคัญ, อาจจะใช้สีแบ่งตามกลุ่มหัวข้อก็ได้อยู่นะ หรือใช้ปากกาเน้นคำ เลือกเอาสีเด่นๆได้ยิ่งดี สามารถทำให้เรามองเห็นคีย์เวิร์ดสำคัญได้ง่ายด้วย ไม่ต้องหาจนตาลาย และวิธีนี้ผลสำรวจก็บอกว่า การใช้สีในการ จดเลคเชอร์
นั้นจะทำให้สมองของเรามีการจดจำได้ดีกว่าวิธีอื่น
เพื่อนๆก็ได้รู้เคล็ดลับ จดเลคเชอร์วิชาเรียน แบบขั้นเทพไปแล้วยังไงก็อย่าลืม

ใช้ภาษาให้ถูกทางด้วยนะคะ
ที่มา  :      ติวฟรี.คอม                                    
               ( tewfree.com )        ,      ( teen.mthai.com )      ,      eduzones.com )        ,     ( dek-d.com )



วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ใบงานที่ 2 ความรู้เรื่อง blogger



 
บล็อก บล็อกมาจากการผสมคำระหว่าง  WEB ( Wolrd Wide Web) +LOG (บันทึก)  = BLOG  คือ เว็บไซต์ที่เจ้าของ หรือ Blogger สามารถบันทึกเรื่องราวของตนเองลงในเว็บได้ตลอดเวลา  การสร้างเว็บบล็อกสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง ไม่ซับซ้อน ไม่เสียสตางค์ ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษา HTML อย่างน้อยขอให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ ภายในเว็บบล็อก จะมีระบบบริหารจัดการเว็บไซต์พื้นฐานให้แล้ว โดยการสร้างเครื่องมือสำหรับ เขียนเรื่อง โพสรูป จัดหมวดหมู่ และลูกเล่นอื่นๆ ที่ผู้จัดทำพยายามสร้างเพื่อดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก ให้เข้าไปใช้บริการ เสน่ห์ของบล็อกอยู่ที่ผู้อ่านและผู้เขียนสามารถโต้ตอบกันได้ (Interactive) โดยการแสดงความคิดเห็นต่อท้ายที่เรื่องนั้นๆ
        บางคนมองว่าการเขียนบล็อก ก็คือการเขียนไดอารี่ออนไลน์ แท้ที่จริง ไดอารี่ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบล็อกเท่านั้น ทุกคนเปิดบล็อกขึ้นมาไม่ใช่เพื่อเขียนเรื่องราวในชีวิตประจำวันอย่างเดียว แต่สามารถใส่ความรู้ ประสบการณ์ เพื่อเป็นวิทยาทานให้คนอื่นๆ เช่น คุณหมอ เปิดบล็อกแนะนำเรื่องสุขภาพ เป็นต้น
บล็อก คือ สื่อใหม่ (New Media) เป็นปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนรูปแบบการสื่อสารในอดีตอย่างสิ้นเชิง คนเขียนบล็อก สามารถทำหน้าที่เป็นสื่อด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งสื่อสารมวลชน เขาสามารถสื่อสารกันเองในกลุ่มเล็กๆ หรือกลุ่มใหญ่ก็ได้ ถ้าเรื่องไหน เป็นที่ถูกใจ ของชาวบล็อก ชาวเน็ต คนๆ นั้น อาจจะดังได้เพียงชั่วข้ามคืน โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยสื่อหลักช่วยเลย

ลักษณะของสื่อใหม่
  • กลุ่มผู้รับสารจะมีขนาดเล็ก
  • มีลักษณะเป็น Interactive
  • ผู้ส่งสาอาจไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องรายได้ มีแรงจูงใจด้านอื่น เช่น ความมีชื่อเสียง, ความชอบส่วนตัว
  • เป็นการสื่อสารแบบเปิด ผู้รับ ผู้ส่ง มีความเท่าเทียมกัน
  • เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ หลากหลาย